
สรุปไฮไลท์งานสัมมนาออนไลน์สุด Exclusive “ส่องพยัคฆ์เศรษฐกิจเวียดนาม คำรามครึ่งปีหลัง กับโอกาสการลงทุนด้วย DR”
จบไปแล้วกับงานสัมมนาออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทีม BLS Global Investing ในหัวข้อ “ส่องพยัคฆ์เศรษฐกิจเวียดนาม คำรามครึ่งปีหลัง กับโอกาสลงทุนด้วย DR” ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล ซึ่งคัดสรรมาเพื่อนักลงทุนโดยเฉพาะ ใครที่ดูไม่ทัน ไม่ต้องเสียใจนะคะ วันนี้เราได้นำประเด็นที่น่าสนใจจากงานสัมมนามาฝากนักลงทุนกันค่ะ DR “E1VFVN3001” ฮอตในหมู่ผู้ลงทุนไทย “ตั้งแต่ DR E1VFVN3001 ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR ตัวแรกในประเทศไทย ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง มาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนได้จากมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 2 ก.ค. 2564 มีมูลค่าระดับ 7,008 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ยังหวังว่าในอนาคตจะได้เห็น DR ที่มีความหลากหลายมากขึ้น” แขกรับเชิญสุดพิเศษ ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวภายในงานสัมมนา ขณะที่ คุณบรรณรงค์ พิชญากรกรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงความสำเร็จของ DR E1VFVN3001 ว่า ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ทางหลักทรัพย์บัวหลวงเล็งเห็นว่าตลาดเวียดนามประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดาวรุ่งแห่งเอเชีย” เป็นตลาดที่น่าสนใจ ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยังเป็นประเทศฐานการผลิตแห่งใหม่ของโลก เป็นต้น จึงเป็นปัจจัยทำให้หลักทรัพย์บัวหลวงออก DR E1VFVN3001 ในปี 2561 เพื่อเป็นประตูสู่การลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นได้ในปัจจุบันที่มูลค่าการตลาดเติบโตถึง 4 เท่าตั้งแต่เริ่มทำการซื้อขาย และแน่นอนว่าได้สร้างผลกำไรต่อนักลงทุนเป็นจำนวนมาก
- เจาะลึกมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดเวียดนาม ผ่านมุมมอง Dragon Capital VietFund Management (DCVFM)
เริ่มกันด้วยวิทยากรท่านแรก Mr.Hung Nguyen Quang Chief Economist ได้มาพูดถึงภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนาม Mr. Hung ได้กล่าวถึงสถานการณ์ COVID-19 ในเวียดนาม ซึ่งล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง เป็นการระบาดระลอกที่ 4 ถือว่าเป็นรอบที่หนักที่สุด เนื่องจากเชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปพื้นที่หลายเมือง โดยรัฐบาลเองกำลังเร่งควบคุมให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนาม ยังได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนกับบริษัทชั้นนำแล้วกว่า 150 ล้านโดส ได้แก่ Pfizer, Moderna และ AstraZeneca รวมถึงบริษัทในประเทศเองก็เร่งพัฒนาวัคซีน เช่น IVAC และ Vingroup เป็นต้น คาดจะผลิตวัคซีนเองให้ได้ 200 ล้านโดส พร้อมตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ 70% ของประชากรภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งทาง DCVFM มองว่าด้วยความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น คาดภายในสิ้นปีจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ราว 40-50% ของประชากรทั้งหมด 5 ปัจจัยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนาม
- เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ : จากข้อมูลวันที่ 28 มิ.ย. 2564 เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ GDP เป็นบวก โดยเติบโต 6.6% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 มีขนาด5 ล้านล้านบาท
- มูลค่าการส่งออกโต : เวียดนามมีการเปิดประเทศเพื่อทำการค้าเสรีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากสิงคโปร์ และฮ่องกงเท่านั้น โดยมูลค่าส่งออกในเดือนพ.ค. 2564 เติบโตสู่มูลค่า 62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากเดือนพ.ค. 2563 ถึง 36.6%
- โครงสร้างพื้นฐานในประเทศ : รัฐบาลมีนโยบายสร้างถนน สะพาน รถไฟ และสนามบิน โดยรัฐตั้งเป้าลงทุนราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 5 ปีข้างหน้า
- การเติบโตของชนชั้นกลาง (Middle Class) : ในปี 2563 ประชากรชนชั้นกลางมีจำนวนราว 32 ล้านคน และคาดจำนวนประชากรในกลุ่มนี้จะเติบโต 2 เท่า และจะบริโภคมากขึ้น เป็นเกือบ 3 เท่า ที่ราว 43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 10 ข้างหน้า ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของ GDP สิงคโปร์ในปัจจุบัน
- อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง : ในปี 2563 ที่ผ่านมา มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง โดยรัฐสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ที่ระดับ 3.5% และคาดรัฐจะควบคุมค่าเงินไม่ให้ผันผวนได้
ตารางประมาณการณ์ค่าเศรษฐกิจมหภาคของเวียดเนียมในปี 2562-2564
Mr. Bill Stoops Chief Investment Officer กล่าวถึงทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาว่า เวียดนามมีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่โตเกือบ 6 เท่า ในปี 2564 มีมูลค่าถึง 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากในปี 2554 ที่มูลค่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงจำนวนบริษัทจดทะเบียน มีการเติบโต 2 เท่าจาก 795 บริษัทเป็น 1,671 บริษัท อีกทั้งยังมีสภาพคล่องที่ดี เนื่องจากมีการปรับปรุงตลาดให้มีความทันสมัย จนทำให้มูลค่าตลาดและสภาพคล่องแซงหน้าหลายประเทศในกลุ่ม Emerging Markets อาทิ กาตาร์, ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบการเติบโตของตลาดเวียดนามในปัจจัยต่าง ๆ
ดัชนีเวียดนามมีการปรับตัวสูงขึ้นและทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดเวียดนามไม่ได้พึ่งพานักลงทุนต่างชาติดังเช่นในอดีต โดยกลับมีจำนวนนักลงทุนรายย่อยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และเมื่อพูดถึง Valuation ของตลาดเวียดนามเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ จะพบว่า เวียดนามมี Valuation ที่ถูกกว่า หากเทียบกับศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากถูกกดดันจากปัจจัยด้านข้อจำกัดสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างประเทศ หรือ Foreign Ownership Limit (FOL) แต่อย่างไรก็ดี ทางเวียดนามก็ได้มีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดด้าน FOL โดยจะทำเป็น Non-Voting Depository Receipt (NVDR) ใน 2-3 ปีที่จะถึงนี้
- เจาะลึกหุ้นรายตัวที่น่าสนใจในดัชนี VN30
Ms. Minh Dang Nguyet Head of Research ได้คัดหุ้นเด่นในตลาดเวียดนามมาฝากทุกท่าน
- FPT Corporation (FPT)
บริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีอันดับหนึ่ง ซึ่งสามารถแข่งขันกับบริษัทระดับโลก อย่าง Accenture หรือ Tata Consultancy ได้ โดยมองว่าอุตสาหกรรมไอทีในเวียดนามจะเติบโตมากยิ่งขึ้นใน 5 ปีข้างหน้า จากความต้องการและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในโลก โดยมีมูลค่าตลาดถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ROE ประมาณการในปี 2564 ที่โดดเด่นที่ 26.4% รวมไปถึง Dividend yield ที่คงที่มาตลอด จึงทำให้ FPT เป็นบริษัทที่น่าจับตามอง อย่างไรก็ดี หุ้นดังกล่าวมีข้อจำกัดด้าน Foreign Ownership Limit (FOL) จึงทำให้ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติไม่สามารถลงทุนได้โดยตรง
- Vincom Retail (VRE)
บริษัทในเครือ Vingroup (VIC) ผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% ของกลุ่มห้างสรรพสินค้าทั่วเวียดนาม ซึ่งในปัจจุบัน Net Lease Area ซึ่งเป็นตัววัดพื้นที่เช่าสุทธิโดยนับเฉพาะส่วนของผู้เช่าไม่รวมพื้นที่ทางเดินและอื่น ๆ ของห้างฯ ในเวียดนามอยู่ที่ระดับ 0.2 ตรม.ต่อคน คิดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับในจาการ์ตา และมีสัดส่วน 15% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ แสดงถึงโอกาสในการเติบโตของหุ้นตัวนี้
- อัปเดตผลตอบแทนของ E1VFVN30 ซึ่งเป็น ETF อ้างอิงของ DR E1VFVN3001
Mr.Thanh Le ซึ่งเป็น Marketing Associate Director เล่าว่า จากต้นปี 2564 ที่ผ่านมา E1VFVN30 ETF ให้ผลตอบแทนที่ 37% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับดัชนี VNINDEX ที่ 21% และสูงกว่า ETF อื่น ๆ ที่อ้างอิงในตลาดเวียดนาม เช่น LDN ETF (London ETF) , NYC ETF (New York ETF) ฯลฯ เนื่องจาก ETF ที่อิงดัชนี VN30 ได้รับประโยชน์จากการที่สามารถลงทุนในหุ้นเวียดนามที่ติด FOL ได้ อย่างไรก็ดีเมื่อเจาะผลตอบแทน โดยเปรียบเทียบดัชนี VN30 และ VNINDEX จะพบว่า แม้ 7 หุ้นในหุ้น 10 ตัวแรกของทั้ง 2 ดัชนีจะเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ดัชนีกลับให้ผลตอบแทนที่ไม่เท่ากันอันเนื่องมาจากสัดส่วนของหุ้นแต่ละตัวในดัชนีที่แตกต่างกัน โดยดัชนี VN30 ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า ได้แรงหนุนจากการที่ผลตอบแทนมีสัดส่วนในหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มผู้ค้าวัสดุ และกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่าในดัชนี VNINDEX นอกจากนี้ Mr. Thanh ยังพูดถึงเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี VN30 อีกด้วย โดยนอกจากจะใช้การใช้เกณฑ์มูลค่าบริษัท ยังดูเรื่องของสภาพคล่อง และ Free-Float จึงทำให้ดัชนีสามารถล้อไปตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นได้
ตารางเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน ETF ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่อิงดัชนี VN30 เทียบกับดัชนี VNINDEX , ดัชนี MSCI Emerging Markets และ ETF อื่น ๆ ที่อ้างอิงในประเทศเวียดนาม
- คำแนะนำการลงทุนหุ้นเวียดนามง่าย ๆ แต่มีประสิทธิภาพ ผ่าน DR E1VFVN3001 ในตลาดหุ้นไทย
คุณเอิร์ธ รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส หลักทรัพย์บัวหลวง ได้มีการเปรียบเทียบดัชนี VNINDEX และ SET โดยชี้ให้เห็นว่าภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนามยังถูกกว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ แม้ราคา DR จะขึ้นมาเยอะมากแล้ว แต่นักลงทุนยังคงทยอยสะสมได้ เนื่องจากสินทรัพย์อ้างอิงของ DR ยังมีมูลค่าไม่สูงนัก พร้อมทั้งเสริมถึงพัฒนาการของตลาดเวียดนาม โดยยกตัวอย่างในตลาด Futures ของเวียดนาม ที่เปิดขึ้นไม่กี่ปี แต่มีปริมาณการซื้อขายเทียบเท่ากับตลาดหุ้น และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นเวียดนาม ขณะเดียวกัน คุณเอิร์ธ ได้ยกตัวอย่างหุ้นที่อยู่ดัชนี VN30 สามอันดับแรก โดยเรียงตามมูลค่าตลาด ได้แก่
- Vingroup JSC (VIC) กลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายด้าน อาทิ อสังหาริมทรัพย์, ค้าปลีก และท่องเที่ยว
- 2. Vietcombank (VCB) ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในเวียดนาม
- Vinhomes JSC (VHM) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ Vingroup JSC
ตารางเปรียบเทียบปัจจัยพื้นฐานดัชนี VN30 เทียบกับดัชนี SET50
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น คุณเอิร์ธ มีการเปรียบเทียบหุ้นในดัชนี VN30 และหุ้นไทยที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันให้เห็นถึงมูลค่าบริษัท รายได้ และปัจจัยพื้นฐานเบื้องต้นอื่น ๆ เช่น Vietjet Air (VJC) สายการบิน low-cost ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยเน้นให้บริการภายในประเทศและครองส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศถึง 41% เทียบกับบริษัทในประเทศไทยอย่าง Asia Aviation (AAV) บริษัทที่ถือหุ้นใน บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ที่ประกอบธุรกิจสายการบินราคาประหยัด โดยมีรายได้หลักจากการให้บริการขนส่งผู้โดยสารแบบประจำ
Vietjet Air (VJC) VS Asia Aviation (AAV)
ในช่วงท้ายของการบรรยาย คุณเอิร์ธ ยังชี้ให้เห็นว่า DR E1VFVN3001 ให้ผลตอบแทนมากกว่ากองทุนรวมในไทยที่ลงทุนในตลาดเวียดนาม ยิ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนใน DR ที่นอกจากจะซื้อขายง่ายและสะดวกผ่านตลาดหุ้นไทยได้ทั้งวัน โดยไม่มีพักกลางวัน ยังได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าอีกด้วย
ตารางแสดงผลตอบแทนย้อนหลังของ E1VFVN3001 เทียบกับกองทุนรวมในไทยที่อิงตลาดเวียดนาม
เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง เพื่อเตรียมลงทุนใน DR สะดวก ด้วย Streaming http://bls.tips/KnowledgeTeam 5 จุดเด่น ลงทุนใน DR E1VFVN3001 ดีอย่างไร? เรามีคำตอบ!
https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/5dre1vfvn3001/
ข้อดีและประโยชน์ในการลงทุน DR E1VFVN3001
https://www.bualuang.co.th/dr นักลงทุนสามารถฟังสัมมนาย้อนหลังได้ที่ Bualuang iChannel (สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงเท่านั้น) หรือ Facebook Page : bualuangsec