
Auto
- ประเด็นที่ต้องจับตาหุ้นสหรัฐฯ ไตรมาส 2/2565 ได้แก่ สงครามรัสเซียกับยูเครน เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย รวมไปถึงพันธบัตรสหรัฐฯ ที่แม้ปัจจุบันจะเกิด invert yield curve แต่อย่ากังวลมากเกินไปเพราะในปี 2540 ก็มีตัวอย่างว่าถอนเงินสดจากธนาคารไมได้เป็นปี ดังนั้นการฝากธนาคารก็ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไปในภาวะวิกฤต แต่การลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นดีอาจเป็นสิ่งที่ปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ
- ประเด็นสงครามรัสเซียกับยูเครน หากดู GDP ของรัสเซียและยูเครนรวมกันคิดเป็นประมาณ 2% ของทั้งโลก และน่าจะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ดังนั้นผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกหรือสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับทั้ง 2 ประเทศก็ไม่ได้เยอะมาก ประกอบกับสัดส่วนรายได้ของหุ้นในดัชนี S&P500 มาจากรัสเซียเพียงแค่ประมาณ 1% ดังนั้นผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่างๆ ของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะน้อยมาก
- จากสถิติในอดีต ตั้งแต่ปี 1962 เมื่อมีความขัดแย้งและไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์ ดัชนี S&P500 มักจะปรับตัวลงในระยะสั้น แล้วก็กลับมาปรับตัวขึ้นได้ ผลตอบแทนเทียบกับวันที่เริ่มต้นความขัดแย้งมักกลับมาเป็นบวกภายใน 1 ปี
- ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ย สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้นครั้งใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตมาต่อเนื่อง มีความร้อนแรงและเงินเฟ้อสูงขึ้น ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงและมุ่งเน้นการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ถามว่าควรซื้อจังหวะไหน ก็ขึ้นอยู่กับตลาดตีความอาจจะตอบรับการขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่า S&P500 จะปรับตัวขึ้นหรือลง แต่สุดท้ายก็กลับมาที่ Valuation ของหุ้นรายตัว ถ้าราคาหุ้นปรับตัวลงแล้ว Valuation น่าสนใจก็จะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุน
- จากสถิติในอดีต หลัง FED ประกาศขึ้นดอกเบี้ย ในระยะสั้นอาจมีผลกระทบให้ดัชนีปรับตัวลง แต่ถ้าดูระยะเวลา 1 ปีนับจากการขึ้นดอกเบี้ย ดัชนีมักจะกลับมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับวันที่ขึ้นดอกเบี้ยได้เกือบทุกครั้ง (4 ใน 5 ครั้งของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอดีต ดัชนี S&P500 กลับมาเป็นบวกได้ตั้งแต่ 3 เดือนนับจากวันที่เริ่มขึ้นดอกเบี้ย)
- ซึ่งในปีนี้ทีม BLS Global Investing มีมุมมองเน้นเลือกหุ้นขนาดใหญ่ หรือธุรกิจอันดับ 1 ของโลก แต่อาศัยจังหวะที่ valuation น่าสนใจในการเข้าไปลงทุน ในปีนี้เน้นไปที่ธีมลงทุน Quality Stock หรือ Defensive Stock ซึ่งเน้นการเติบโตไปอย่างมั่นคง ตลาดลงก็จะไม่ค่อยกังวล
- สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีเวลาติดตามรายงานข่าวสาร จัดพอร์ตหรือส่งคำสั่งซื้อขาย ทางหลักทรัพย์ บัวหลวง จึงออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับนักลงทุน “BLS Global Private Fund” ลงทุนหุ้นรายตัวในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาให้นักลงทุนโดยอัตโนมัติ ภายใต้สัญญาจัดการกองทุนส่วนบุคคล จัดพอร์ตการลงทุนตามกลยุทธ์ BLS US Quality Stock (US 001)
- BLS US Quality Stock Strategy มีการกำหนดนโยบายคล้ายกองทุนรวม คือมีการกระจายการลงทุนอย่างน้อย 4 อุตสาหกรรมตาม GICS และกระจายหุ้นไม่เกิน 15 ตัว ซึ่งเลือกมาจากหุ้นที่ทางทีม BLS Global Investing มีการติดตามและทำบทวิเคราะห์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ
- ผลการทดสอบจากรายงานที่ทีม BLS Global Investing แนะนำตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งหุ้นที่เลือกบางตัว การเปลี่ยนแปลงราคาและมูลค่าตามราคาตลาดอาจจะไม่ได้อิงดัชนีมากนัก และการลงทุนค่อนข้างโฟกัส (หุ้นไม่เกิน 15 ตัว) ทำให้มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีกว่าดัชนี S&P500
- ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงของค่าเงิน เนื่องจากเป็นการลงทุนตรงในหุ้นรายตัวโดยใช้พอร์ต Private Fund ดังนั้นนักลงทุนควรกระจายการลงทุนในแต่ละประเทศด้วย
- BLS Global Private Fund มีความแตกต่างจากกองทุนรวมหุ้นสหรัฐอเมริกา คือ มีค่าธรรมเนียมถูกกว่ากองทุนรวมส่วนใหญ่ และถูกกว่ากองทุนส่วนบุคคลทั่วไปด้วย มีเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 3 ล้านบาท (อยู่ระหว่างกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล) เงินปันผลที่ได้รับจะ reinvest โดยอัตโนมัติ และจุดเด่นอีกอย่างคือสามารถตรวจสอบพอร์ตการลงทุนได้ทุกวันบนเว็บไซต์บัวหลวง
นักลงทุนท่านใดสนใจ สามารถติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของท่าน ทำสัญญาใช้บริการ รอเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศ หลังจากนั้นโอนเงินเข้าพอร์ตและเริ่มให้ระบบลงทุนให้อัตโนมัติ
สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถรับชมสัมมนาย้อนหลังได้ที่: Global Private Fund ให้คุณลงทุนต่างประเทศแบบมืออาชีพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BLS Customer Service โทร 0-2618-1111