.png)
อยากมีชีวิตยืนยาวอย่างมั่นคง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง “สุขภาพทางการเงิน” ด้วย เมื่อคนเราอายุยืนขึ้น ใช้ชีวิตนานกว่าเดิม การวางแผนการเงินและการลงทุนเพื่อรองรับชีวิตระยะยาว จึงเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ มาดูกันว่าแนวคิด Longevity จะช่วยให้เราเตรียมตัวรับมือชีวิตระยะยาวได้อย่างไร
Longevity คืออะไร
Longevity คือแนวคิดเกี่ยวกับการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ซึ่งไม่ใช่แค่การเกษียณอายุธรรมดา แต่คือการเตรียมตัวให้สามารถรักษาคุณภาพชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน และความเป็นอยู่ที่ดีได้ตลอดช่วงเวลาหลังเกษียณ หรือช่วงชีวิตที่อาจยาวกว่าที่คาดไว้
สองช่วงชีวิตที่สำคัญ
- Healthspan: ช่วงที่ยังแข็งแรง ใช้เงินกับไลฟ์สไตล์ และสิ่งที่รัก
- Sickspan: ช่วงบั้นปลาย ค่าใช้จ่ายสุขภาพพุ่งสูง
สรุป 5 แนวคิด Longevity
1. ประชากรโลกกำลังเข้าสู่ยุค Longevity ที่ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้ภาคส่วนอย่าง สุขภาพและโภชนาการ (Nutrition and healthcare) ได้รับโอกาสลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งบริการดูแลโรคเรื้อรังและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตอบโจทย์ Longevity
2. ความต้องการบริการ Elder care เพิ่มขึ้นในยุค Longevity เนื่องจากผู้สูงอายุประสบปัญหาการได้ยิน การมองเห็น ความทรงจำ และการเคลื่อนไหว ทำให้มีโอกาสลงทุนในเทคโนโลยีหรือบริการช่วยเหลือชีวิตประจำวันสำหรับ Longevity population
3. การวางแผนการเงิน (Financial planning) มีความสำคัญในยุค Longevity เพราะผู้คนต้องใช้ชีวิตนอกเหนือจากวัยทำงานนานขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการออมและลงทุนเพื่อรองรับการดำรงชีวิตระยะยาว Longevity
4. อุตสาหกรรมความงาม (Beauty) ยังคงเติบโตในยุค Longevity เนื่องจากคนยุคนี้ต้องการดูดีไปนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย หรือการดูแลตัวเองด้านความงาม ซึ่งรองรับแนวคิด Longevity
5. การพักผ่อนและสันทนาการ (Leisure) ได้รับผลดีจาก Longevity เพราะผู้สูงอายุมีกำลังซื้อและเวลาว่างมากขึ้น ทำให้ธุรกิจอย่างท่องเที่ยว พักผ่อน และบริการสุขภาพเชิงสันทนาการเติบโตขึ้นพร้อมแนวคิด Longevity
ที่มา: Julius Baer
การเตรียมตัวสำหรับ “ชีวิตทางการเงินที่ยาวนานขึ้น”
1. วางแผนตาม อายุชีวภาพ ไม่ใช่แค่ปีเกิด
อายุในบัตรประชาชนบอกได้ว่าเราอยู่มากี่ปี แต่ "อายุชีวภาพ" บอกสภาพร่างกายจริง ๆ ว่าแข็งแรงแค่ไหน
- ถ้าร่างกายแข็งแรง อาจใช้ชีวิตต่อไปได้อีกนาน → ต้องเตรียมเงินไว้ใช้ยาวขึ้น
- ถ้าสุขภาพเปราะบาง อาจต้องกันเงินเพิ่มสำหรับค่ารักษาพยาบาล
2. กระจายความเสี่ยง ทั้งสินทรัพย์และภูมิภาค
โลกการลงทุนมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง การถือหุ้นหรือสินทรัพย์แบบเดียว = เสี่ยงสูง
- ควรกระจายไปหลาย ๆ ประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาฯ ทองคำ
- ลงทุนในหลายประเทศ เพื่อไม่ให้พึ่งพาเศรษฐกิจประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป
3. วางแผนดูแลระยะยาว (Long-term care)
เมื่ออายุยืนขึ้น ค่าใช้จ่ายสุขภาพและการดูแลจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- กันเงินสำหรับค่ารักษา การดูแลผู้สูงอายุ หรือบ้านพักคนชรา
- ทำประกันสุขภาพ/ประกันชีวิตให้เหมาะกับวัย
- วางโครงสร้างมรดกและภาษี เพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องลำบากทีหลัง
4. แบ่งทรัพย์สินเป็น “ตะกร้า”
การแยกเงินตามเป้าหมาย จะช่วยให้จัดการง่ายขึ้น และไม่ใช้ปนกัน
- ตะกร้า 1 → เพื่อสุขภาพ (เช่น ค่ารักษา วางแผนประกัน)
- ตะกร้า 2 → เพื่อการศึกษา (เช่น ค่าเล่าเรียนลูกหลาน)
- ตะกร้า 3 → เพื่อความสุข (งานอดิเรก ท่องเที่ยว ใช้ชีวิต)
- ตะกร้า 4 → เพื่อมรดก (ส่งต่อความมั่งคั่งอย่างมีระบบ)
5. ลงทุนเพื่ออนาคต
โลกเปลี่ยนเร็ว การลงทุนควรคิดยาว ๆ ในสิ่งที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
- Longevity Tech → เทคโนโลยีการแพทย์และสุขภาพ ที่ช่วยให้คนมีชีวิตยืนและคุณภาพดีขึ้น
- Sustainable Investment → การลงทุนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากผลตอบแทน ยังได้ความภูมิใจที่มีส่วนช่วยโลกด้วย
อยากลงทุนกระจายสินทรัพย์ ต้องเริ่มยังไง?
Step 1: รู้จักประเภทของสินทรัพย์ก่อนเริ่มลงทุน
โดยสามารถลงทุนผ่านสินทรัพย์ได้หลากหลาย เช่น หุ้น (ไทย/ต่างประเทศ), ตราสารหนี้, REITs, กองทุนรวม
Step 2: เลือกสินทรัพย์ให้เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจ
เพราะแต่ละช่วงเวลาในเศรษฐกิจโลกส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์แตกต่างกัน เช่น ในช่วงเศรษฐกิจโต หุ้นเติบโต (Growth Stock) มักโดดเด่น หรือหากตลาดผันผวน พอร์ตควรมีตราสารหนี้หรือทองเพื่อคุมความเสี่ยง
Step 3: จัดสัดส่วนลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
เช่น หากเราต้องการลงทุนเพิ่มค่าเงินทุน (Capital Appreciation) อาจเน้นน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเติบโต หรือหากต้องการสร้างรายได้ประจำ (Current Income) อาจเน้นการลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้นปันผลเป็นสัดส่วนมากในพอร์ตลงทุน
อยากลงทุน แต่ไม่มีเวลา
จัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ กระจายสินทรัพย์ฉบับคนไม่มีเวลาด้วย Auto Top Funds Portfolio
Auto Top Funds Portfolio คือ บริการจัดพอร์ตกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ ด้วยหลักการ Asset Allocation ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมที่คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติตามสภาวะตลาด มาพร้อมกับกลยุทธ์ 2 สไตล์ พร้อมระดับความเสี่ยงของพอร์ตที่คุณเลือกได้เอง
เน้นรักษาเงินต้น ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง แบบ Fixed Income Funds Package
Fixed Income Saving Package (FIXEDSP) ระดับความเสี่ยงต่ำมาก เน้นลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพสูง เพื่อบริหารสภาพคล่อง และความมั่นคงของเงินต้น
จุดเด่นของ Auto Top Funds Portfolio
- กระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพผ่านกองทุนชั้นนำกว่า 18 บลจ.
- ปรับพอร์ตอัตโนมัติตามสภาวะเศรษฐกิจ
- ใช้ระบบวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) พร้อมเกณฑ์คัดเลือกกองทุนจาก BLS Top Funds
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนส่วนบุคคล*
- เริ่มต้นลงทุนเพียง 500,000 บาท
สนใจสมัครจัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ ต้องทำอย่างไร
สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดต่อได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือสมัครบริการด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มต้นเดือนละ 500,000 บาท
- สมัครจัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ (Auto Top Funds Portfolio) ได้ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่
- แอป Wealth Connex บน App Store (สำหรับ iOS คลิกที่นี่) และ Google Play (สำหรับ Android คลิกที่นี่) เมนู Solution > จัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ
- เว็บไซต์ www.bualuang.co.th เมนู Auto Investing > จัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ
- แอป Streaming เมนู BLS > Auto Investing > จัดพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ
หลังจากดำเนินการสมัครแล้ว ท่านจะได้รับผลอนุมัติทางอีเมล และสามารถติดตามผลการดำเนินงานพอร์ตการลงทุนของท่านง่าย ๆ ได้ทุกวันผ่าน Streaming หรือ Bualuang iTracker
คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
บริษัทได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต เพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลรูปแบบบริการลงทุนอัตโนมัติ