
ในทุกวันนี้รายได้เพียงทางเดียว อาจยังไม่พอที่จะตอบโจทย์ชีวิตในการสร้างความมั่นคง และความมั่งคั่ง เนื่องจากข้าวของมีราคาแพงขึ้นทุกวัน จากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างที่คุณปู่ Warren Buffett กล่าวไว้ “ Never depend on single income. Make investment to create a second source.” ดังนั้นการมีรายได้หลายทาง น่าจะช่วยให้เรามีความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่เรียกกันว่า Passive Income
โดยรายได้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ รายได้ที่เกิดจากเราใช้แรงในการทำงาน หรือเราเรียกกันว่า Active Income ถ้าวันไหนเราไม่ทำงาน เราก็จะไม่มีรายได้เข้ามา ส่วน Passive Income คือ รายได้ที่เกิดจากเงินหรือสินทรัพย์ที่เราลงทุนไปในช่วงแรก เริ่มออกดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยว เรียกง่ายๆ ว่า ให้เงินทำงานแทนเรา
ในการสร้าง Passive Income มีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนนิยาย ลงเว็บไซต์หรือ Application เพื่อรับเงินจากผู้อ่านนิยายของเรา หรือสามารถได้เป็นค่าลิขสิทธิ์ ขณะที่บางคนอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมีรายได้จากการเก็บค่าเช่ารายเดือน ก็ถือว่าเป็น Passive Income เช่นกัน นอกจากนี้การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ ก็สามารถสร้าง Passive Income ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ ได้ดอกเบี้ยมาเป็นรายได้ หรือผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลที่มาจากการลงทุนในหุ้น หรือ กองทุนรวม ก็สามารถสร้าง Passive Income ได้ง่าย ๆ
วันนี้ BLS Top Funds จะมาแชร์ไอเดียในการสร้าง Passive Income ง่าย ๆ ด้วย 4 ขั้นตอน ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดรายได้ที่ต้องการต่อเดือน แล้วไปคูณ 12 เพื่อทำเป็นรายได้ต่อปี
ขั้นตอนที่ 2 กำหนดผลตอบแทนในการลงทุน โดยในแต่ละสินทรัพย์การลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่สูงต่ำไม่เท่ากัน ตามระดับความเสี่ยง ซึ่งในขั้นตอนนี้เราต้องประเมินตัวเองว่าสามารถรับความเสี่ยงได้สูง กลาง หรือต่ำ พร้อมพิจารณาควบคู่กับผลตอบแทน
ขั้นตอนที่ 3 นำข้อที่ 1 หารด้วย ข้อที่ 2 จะได้เป็นจำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี เพื่อสร้าง Passive Income
ยกตัวอย่างเช่น ต้องการรายได้เดือนละ 10,000 บาท คิดเป็นต่อปีคือ 10,000 คูณ 12 เป็น 120,000 บาทต่อปี กำหนดผลตอบแทนจากการลงทุนคือ 3.5%ต่อปี
แล้วนำ 120,000 หารด้วย 3.5% จะได้ประมาณ 3,500,000 บาท เป็นจำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี เพื่อสร้างรายได้ที่เป็น Passive Income เดือนละ 10,000 บาท
ดังนั้น ขั้นตอนสุดท้าย ขั้นตอนที่ 4 คือ เราต้องลงทุนเดือนละกี่บาท ถึงจะได้เงินจำนวน 3,500,000 บาท โดยในที่นี้เราต้องลงทุนเดือนละ 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 30 ปี ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 7% นั่นเอง
มาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะเริ่มท้อว่า ใช้ระยะเวลานาน ต้องทำผลตอบแทนสูงจัง เงินลงทุนต่อเดือนอาจจะสูงไป แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง เพื่อให้การลงทุนทำให้เรามีความสุขไปด้วยกันได้ เช่นบางคนบอกว่า สามารถหาผลตอบแทนมากกว่า 7% ได้ หรือสามารถออมเงินได้มากกว่า 3,000 ต่อเดือน ซึ่งก็จะทำให้ระยะเวลาการลงทุนสั้นลงได้เช่นกัน
เมื่อเรารู้ว่าต้องการ Passive Income เดือนละกี่บาท ก็จะทำให้เราหาจำนวนเงินลงทุนที่ต้องมีได้ และหลังจากนั้นก็นำจำนวนเงินดังกล่าวไปลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่เรากำหนดไว้ ก็จะสามารถสร้าง Passive Income ได้ง่าย ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม “ไม่มีสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนยอดเยี่ยมได้ตลอดเวลา” ดังนั้นการลงทุนจึงจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดพอร์ต Asset Allocation โดยทาง BLS ได้คิดค้น Model ใหม่ เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการมีรายได้สม่ำเสมอระหว่างทางการลงทุน ซึ่ง Model ใหม่นี้ มีชื่อว่า Dividend Income Asset Allocation (DAA)
โดยจุดเด่นของ Dividend Income Asset Allocation (DAA) คือ การจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอให้กับนักลงทุน ด้วยการจัดพอร์ตกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ททั่วโลก ตามสภาวะตลาด จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง (Annual Return) จะเห็นได้ว่า DAA สามารถจ่ายเงินปันผลได้ทุกปี ถึงแม้ว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงอย่างปี 2022 ที่หลายสินทรัพย์พากันขาดทุนน ติดลบกันถ้วนหน้า แต่ DAA ยังสามารถจ่ายเงินปันผลสูงถึง 2.56% เรียกได้ว่ายังได้รับเงินติดไม้ติดมือกลับไป เป็นรางวัลปลอบใจในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ขณะที่ปี 2021 พอร์ตให้ผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น โดยจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ระดับ 5.87% และสามารถสร้าง Capital Gain อีก 10.63% ทำให้ปี 2021 พอร์ต DAA สร้าง Total Return สูงถึง 16.50% ซึ่งชนะ Benchmark ที่ระดับ 12.97% ถ้าดูกันยาว ๆ พอร์ต DAA จะมีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยประมาณปีละ 3.5% ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้กับนักลงทุนที่ดีเลยทีเดียว
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของพอร์ต DAA คือ มีผลขาดทุนสูงสุด (Max Drawdown) ต่ำกว่าตลาด โดยในปี 2022 ตลาดค่อนข้างมีความผันผวนติดลบไป -14.70% ขณะที่พอร์ตทำผลตอบแทนติดลบเพียง -7.09% เท่านั้น
ส่วนด้านความถี่ในการจ่ายเงินปันผลของพอร์ต DAA จะเห็นได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ปี 2019 พอร์ต DAA มีการจ่ายเงินปันผล 10 ครั้งต่อปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งบางปีมีการจ่ายมากสุดถึง 13 ครั้ง โดยที่บางเดือนนักลงทุนได้รับเงินปันผลจำนวน 1-2 ครั้ง ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอระหว่างทางจากการลงทุน ซึ่งเป็นการสร้าง Passive Income ง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้
กองทุนรวมที่เราคัดมาลงทุนในพอร์ต Dividend Income Asset Allocation (DAA) จะครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั่วโลก ผลการดำเนินงานโดดเด่น และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
ทั้งนี้พอร์ต DAA จะมีการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงนั้น ๆ ตามมุมมองการลงทุนจากทีม Research ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เพื่อให้ทันท่วงทีกับสถานการณ์และไม่พลาดทุกจังหวะการลงทุน เรียกได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลพอร์ตอย่างใกล้ชิด
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการจัดพอร์ตการลงทุน BLS Top Funds Portfolio : Dividend Income Asset Allocation (DAA)
สามารถเข้าสู่ระบบผ่านโปรแกรม Wealth Connex บนมือถือ
-
Login เข้าสู่ระบบผ่าน Application และยืนยัน OTP
-
Username รหัสผู้ใช้งาน 6 หลัก
-
Password รหัสผ่าน
-
-
เลือกที่เมนู Solution
-
เลือกสมัครบริการลงทุน จากนั้นเลือกเปิดบัญชี Open BLS Top Funds Portfolio Account

ศึกษาขั้นตอนการเปิดบัญชีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ดาวโหลดแอปพลิเคชัน Wealth CONNEX
-
IOS รองรับ iOS 14 ขึ้นไป ติดตั้ง คลิกที่นี่
-
Android รองรับ 7.0 ขึ้นไป ติดตั้ง คลิกที่นี่
-
Notebook & Personal Computer Browser Support : Chrome, Firefox, Safari7+, IE11+