
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ตั้งแต่เศรษฐกิจที่เติบโตช้าไปจนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างหลายประการ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนหดหาย ดัชนี SET ปรับตัวลงมากกว่า 25% และยังไม่สามารถฟื้นกลับไปจุดเดิมก่อนเกิดโควิดได้ นับเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ underperform มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าเจาะลึกลงไปแล้ว จะพบว่าหุ้นไทยบางกลุ่มยังสามารถ outperform ภาพรวมตลาดหุ้นไทยได้ และให้ผลตอบแทนรวมเป็นบวกได้อย่างสม่ำเสมอท่ามกลางมรสุมเช่นนี้ นั่นคือ “หุ้นปันผล”
ทำไมหุ้นปันผลยังไปได้ ในตลาดที่ไม่ไปไหน?
- รายได้สม่ำเสมอ – การได้รับเงินปันผลปีละ 5-8% ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าและช่วยบรรเทาผลกระทบจากการปรับตัวลงของราคา
- พื้นฐานมั่นคง – หุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่องมักเป็นธุรกิจที่มีกำไรสม่ำเสมอและฐานะการเงินแข็งแรง
- น่าดึงดูดในยุคดอกเบี้ยต่ำ – หุ้นปันผลยังให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจเทียบกับการฝากเงินไว้เฉยๆ ซึ่งให้ดอกเบี้ยต่ำมาก
อยากลงทุนหุ้นปันผล เลือกยังไงดี?
อยากลงทุนหุ้นปันผลดูแค่ “อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล” หรือ Dividend Yield สูงๆ อาจไม่เพียงพอ เพราะคุณภาพของหุ้นปันผล...สำคัญไม่แพ้ตัวเลขผลตอบแทน มาดูคุณสมบัติของหุ้นปันผลที่ดีก่อนตัดสินใจลงทุนกัน
หุ้นปันผลที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
- ธุรกิจมั่นคง รายได้สม่ำเสมอ ดูจากงบการเงินย้อนหลัง หรือประเภทธุรกิจที่มีรายได้ประจำ เช่น สื่อสาร ธนาคาร
- มีประวัติการจ่ายปันผลต่อเนื่อง ตรวจสอบสถิติการจ่ายปันผลย้อนหลังได้ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ เช่น www.settrade.com
- แนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาว ศึกษาข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ (Research) จากสถาบันทางการเงินต่างๆ
- อัตราการจ่ายปันผลสอดคล้องกับกำไร เทียบ Net Profit (งบกำไรขาดทุน) กับ เงินปันผลจ่ายออก เพื่อดูว่าบริษัทสามารถจ่ายปันผลได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
Tips: การใช้ Dividend Yield, ROE และ D/E คัดเลือกหุ้นปันผล
ตัวอย่าง สมมติว่า คุณกำลังเปรียบเทียบระหว่างหุ้น A กับ B
จากรูปจะวิเคราะห์ได้ว่า
- หุ้น A แม้ให้ Dividend Yield สูง แต่ ROE ต่ำและ D/E สูงกว่า สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกำไรจากทุนที่จำกัด และมีความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของการจ่ายปันผล
- หุ้น B แม้ Dividend Yield ต่ำกว่า แต่ ROE สูงและ D/E ต่ำกว่า แสดงถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแรง ใช้เงินกู้น้อย จึงมีโอกาสจ่ายปันผลต่อเนื่องได้มั่นคงกว่า
สำหรับนักลงทุนที่อยากลงทุนในหุ้นไทยปันผลสูงอย่างมีระบบ ไม่ต้องมานั่งเลือกหุ้นเอง ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทุกวัน…นี่คือโอกาสของคุณ
สร้างโอกาสพอร์ตหุ้นปันผลเติบโตมั่นคง และสร้าง Passive Income แบบอุ่นใจ ด้วยกลยุทธ์ Thai Dividend Focus
Thai Dividend Focus (TDF) คือ กลยุทธ์ที่ลงทุนหุ้นปันผลที่โดดเด่นกว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยประมาณ 8 -15 ตัว พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติตามสภาวะตลาด โดยผู้เชี่ยวชาญร่วมกับระบบอัตโนมัติ
จุดเด่นของกลยุทธ์ TDF
- คัดสรรหุ้นปันผลคุณภาพแบบอัตโนมัติ
- ปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด ไม่ต้องเฝ้าจอ
- สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
- กระจายความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการจัดการ
พาดูผลตอบแทนของกลยุทธ์ TDF
ลงทุนผ่านมา 5 ปี ได้ผลตอบแทนเท่าไร?
จากภาพผลทดสอบย้อนหลัง (ฺBack Test) ของกลยุทธ์ลงทุนหุ้นปันผลอัตโนมัติ TDF ระยะเวลา 5 ปี สามารถสร้างผลตอบแทนรวมได้ +55.75% ดีกว่าดัชนี SET ที่มีผลตอบแทนรวม -2.63%
ที่มา: BLS Auto Investing ณ วันที่ 2 ก.ค. 2568
สนใจสมัครจัดพอร์ตหุ้นปันผลอัตโนมัติ ต้องทำอย่างไร
สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดต่อได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือสมัครบริการด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
พิเศษ โปรโมชัน ลดเงินลงทุนเริ่มต้นขั้นต่ำเหลือ 500,000 บาท จากปกติ 1,000,000 บาท
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Factsheet คลิกที่นี่
- สมัครจัดพอร์ตหุ้นปันผลอัตโนมัติ (Thai Dividend Focus) ได้ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่
- แอป Wealth Connex บน App Store (สำหรับ iOS คลิกที่นี่) และ Google Play (สำหรับ Android คลิกที่นี่) > เมนู Auto Investing > iProgramTrade
- เว็บไซต์ www.bualuang.co.th เมนู Auto Investing > iProgramTrade
- แอป Streaming เมนู BLS > Auto Investing > iProgramTrade
หลังจากดำเนินการสมัครแล้ว ท่านจะได้รับผลอนุมัติทางอีเมล และสามารถติดตามผลการดำเนินงานพอร์ตการลงทุนของท่านง่าย ๆ ได้ทุกวันผ่าน Streaming หรือ Bualuang iTracker